ประสบการณ์ผี เจอดีตอนเข้าค่าย
เจ้าของเรื่องผู้ประสบชะตากรรมกับผีแม่ลูกอ่อนที่ตั้งอกตั้งใจมาหลอกกันตนนี้ ขอบอกว่ามิใช่ข้าพเจ้า (ก็แหงล่ะ ไอ้ที่ตูเจอแต่ละเรื่องมันน่ากลัวซะที่ไหน) แต่ก็มิได้แฮปเรื่องใครเค้ามานะ ไถมาจากคนรู้จักจ้ะ คนที่เจอนี่เป็นเพื่อนพี่สาวเรา เจอมากับตัวสมัยยังเด็กก็เลยมาเล่าให้ฟังกับตัวสมัยโตแล้ว อยากจะบอกว่า ไอ้ผีตนนี้… เจตนาหลอกหลอนให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยนะนั่น (พวกตายท้องกลมนี่มันเฮี้ยนจริงๆ)
พวกมึง! ทำให้ลูกกูนอนไม่หลับ!!
เหตุการณ์สยองขวัญที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นในสมัยที่พี่ G ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่ง เธอเล่าให้เราฟังว่า ตอนนั้นเธอไปเข้าค่ายเนตนารีกับทางโรงเรียนซึ่งสถานที่เข้าค่ายและสถานที่ เกิดเหตุก็คือโรงเรียนของเธอนั่นเอง
ตอนเย็นของการเข้าค่ายวันแรก อาจารย์ได้เรียกเนตรนารีทุกคนให้มารวมกองกัน
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็นได้ พี่ G กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่โรงอาหารของโรงเรียน
ซึ่งภายหลังจากที่ได้ยินสัญญาณรวมกองแล้วพี่ G ผู้ล่าช้าเพราะยังทานข้าวไม่เสร็จก็วิ่งรี่ไปรวมกองช้ากว่าใครเพื่อน
ในขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นตึกรวมกองที่รอบด้านแทบจะไม่มีคนเดินอยู่เลย เพราะทุกคนได้ไปรวมตัวกันหมดแล้ว ในตอนนั้นเองพี่ G ที่กำลังใจแป้วว่า จะถูกทำโทษไหมเนี่ย ก็บังเอิญเหลือบสายตาไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้า ตอนนั้นพี่ G คิดว่าคงเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอ คือรู้สึกว่าด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นจะเหมือนกันเพื่อนของเธอ พี่ G ก็เริ่มอุ่นใจขึ้นมาได้หน่อยว่ายังมีคนไปช้าเหมือนกัน โดนเอ็ดก็โดนกันเป็นทีม ค่อยสบายใจได้ คิดได้ดังนั้นพี่ G จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินตามเพื่อนไปในทันที
เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น พี่ G หยุดยืนตรงฉับพลั
นด้วยความเคยชิน แต่ผู้หญิงคนนั้นยังคงเดินต่อไป พี่ G มองตามหลังคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนของตนไปจนสุดหัวมุมตึกเธอเลี้ยวหายเข้าไป ตรงทางเดินข้างหน้า และทันทีที่เพลงชาติหยุดลง พี่ G ก็รีบวิ่งตามเธอคนนั้นไป แน่นอนว่าเจตนาเดียว หาเพื่อร่วมซวยนั่นเอง พี่ G วิ่งตามเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงมุมตึก และเลี้ยวตรงทางเดินตามที่เธอเดินหายลับไป ทว่า…
ที่ตรงนั้นคือทางตัน!
ณ จุดที่ผู้หญิงคนนั้นเดินหายไปคือประตูทางผ่านสู่หลังตึกเรียนที่ปิดตายไม่มี ผู้ใดสามารถผ่านเข้าออกได้ ทั้งยังปิดตายมาเป็นเวลานานแล้วอีกด้วย
พี่ G หยุดยืนนิ่งด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังตึกรวมกองโดยเก็บความพิศวงนั้นไว้ในใจ
พี่ G ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนคนใดฟังทั้งสิ้นด้วยเพราะเธอพยายามที่จะไม่ใส่ ใจและไม่เก็บเอามาคิดให้ได้มากที่สุด จนกระทั่ง…
เวลาผ่านไปในยามค่ำคืน… ถึงเวลาชวนสยองขวัญ เนตรนารีทั้งหมดต่างเข้าห้องพักของตนเพื่อพักผ่อน แต่มีหรือใครที่ในชีวิตวัยรุ่นจะยอมเสียฟอร์มทำตามกฎเกณฑ์อย่างง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กผู้หญิงมาอยู่รวมกันด้วยแล้ว ใครจะยอมนอนกันล่ะคะ
พี่ G เล่าให้เราฟังว่าตอนนั้นพี่ G เล่นไพ่อยู่กับเพื่อนๆ เวลาก็ไม่ดึกมากนักประมาณสักสามทุ่มได้ อยู่ๆ ก็เกิดมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง สามครั้ง…
ทุกคนหันไปมองประตูแต่ไม่มีผู้ใดจะใส่ใจกับมันสักคน
” ’จารย์แกล้งมั๊ง “ เพื่อนในกลุ่มของพี่ G คนหนึ่งพูดออกมา
และแล้วก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับเสียงเคาะประตูนั้นอีกด้วยเหตุผลที่ว่า ‘อาจารย์แกล้ง’ และแม้แต่ตัวพี่ G เองก็ลืมเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมาเมื่อตอนเย็นหมดสิ้นไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
พวกพี่ G กลับมาเล่นไพ่กันต่อหลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก จนเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร พี่ G บอกว่า หลังจากเสียงเคาะประตูครั้งแรกนั้นเธอไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไรแต่เท่า ที่เธอคาดเดามันน่าจะเกือบถึงตีสองได้ ใช่…น่าจะเป็นเวลาตีสองที่เสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นอีกครั้ง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ สามค รั้ง…
พี่ Gและเพื่อนๆ หันมองหน้ากัน
“คง’จารย์ แกล้งแหล่ะว่ะ” เพื่อนคนเดิมพูดขึ้นมาอีกอย่างไม่ใส่ใจ ทุกคนจึงเล่นไพ่กันต่อ ทว่า…
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกในเวลาไล่เลี่ยกัน
ครั้งนี้ทุกคนคิดเหมือนกันหมดว่าดึกป่านนี้อย่างไรอาจารย์ก็ไม่จะมาคึกแกล้ง กันแน่ๆ อายุก็ปาเข้าไปปูนนั้นแล้ว ขืนยังซ่าอยู่คงได้หัวใจวาย มีหวัง…
พวกพี่ G นิ่งเงียบกันไปครู่ใหญ่จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“เฮ้ย! อย่าเปิดนะ” พี่ G กระซิบบอกเพื่อน
เธอบอกกับฉันว่าตอนนั้นเธอไม่ได้หรอกคิดว่าเป็นผีหรืออะไร แต่เธอเกรงว่านักเรียนหญิงมาเข้าค่ายอย่างนี้อาจจะมีผู้ไม่หวังดีลอบเข้ามา ก็ได้ และตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
เพื่อนพี่ G ที่ลุกไปอยู่ใกล้ประตูมากที่สุดจึงก้มลงมองลอดช่องประตูที่อยู่ระหว่างพื้น
อย่างน้อยก็เผื่อจะได้ทราบได้ว่าเป็นใครจากขาที่มองเห็นลอดผ่านช่องประตู เข้ามา ทว่า…
ระหว่างช่องพื้นของประตูนั้น กลับไม่มีขาของใครอยู่เลย…
พวกพี่ Gนั่งมองหน้ากันนิ่ง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีคนมายืนอยู่หน้าประตูแล้วจะมองไม่เห็นขา แต่ถ้าไม่มีใครมายืนอยู่หน้าประตู แล้วคนที่เคาะประตูนั่นล่ะ ใครกัน?
ตอนนี้เองที่เหล่าเนตรนารีเริ่มเก็บไพ่ลงกระเป๋าเลิกเล่นกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ทุกคนก็ยังไม่มีใครกล้าจะหลับตาลง พวกพี่ G เลยเปลี่ยนจากเล่นไพ่มานั่ง
คุยกันด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ และที่ต้องคุยก็เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบเกินไปนั่นเอง
แต่เหตุการณ์น่าหวาดกลัวกลับไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น!
ในขณะที่พวกพี่ G กำลังนั่งคุยกัน อยู่ๆ ก็เกิดมี เสียง เพลงดังแผ่วแว่วมาแต่ไกล…
เสียงเพลงกล่อมเด็กที่ดูเหมือนจะชัดเจนถ้อยคำขึ้นเรื่อยๆ ร้องเป็นเพลงกล่อมเด็ก
‘เจ้านกกาเหว่า ไข่ให้แม่กาฟัก…’
เสียงนั้นยิ่งชัดเจน และค่อยๆ ลอยมาจากห้องที่พักของพวกพี่ G และ…
เสียงเพลงหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนั้นเอง!?
ตามจากเสียงเพลงกล่อมเด็ก ในขณะที่ทุกคนยังคงอยู่ในความเงียบสงบ และแล้ว…
เสียงดุดันของผู้หญิงตวาดดังขึ้นจากหน้าประตูนั้น!!
“พวกมึง! ทำให้ลูกกูนอนไม่หลับ!”
พี่ G บอกเราว่า ตอนนั้นพี่ G นึกถึงผีในหนังไทยเอาจริงๆ จังๆ เลยทีเดียว
ก็เล่นมาเป็นเสียงเพลงกล่อมเด็กอย่างนั้น ทั้งยังเป็นเสียงยานคางชวนสยอง
พี่ G กับเพื่อนๆ จับมือกันไว้แน่นด้วยความกลัว สักพักเสียงเพลงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก
ที่หน้าห้องของพวกพี่ G และตามมาด้วย
“พวก มึง! ทำให้ลูกกูนอนไม่หลับ!”
เป็นอย่างนี้ถึงสามครั้ง จนท้ายที่สุดพี่ G กับเพื่อนๆ ต้องหุบปากให้สนิทและรีบเข้านอนกันในทันที
ทว่า…เสียงเพลงกล่อมเด็กก็ใช่จะหายไป มันยังดังแว่วคล้ายแผ่วมาจากที่ไกลๆ อยู่ตลอดค่ำคืนที่ยาวนาน…
รุ่งเช้า…
กลุ่มพี่ G รีบตรงไปหาอาจารย์แล้วถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทีแรกอาจารย์ก็ไม่ยอมพูดอะไรแต่เมื่อคาดคั้นหนักเข้าจึงได้ยอมเล่าพร้อมทั้ง กำชับนักหนาว่าห้ามนำไปบอกใคร พี่ G และเพื่อนจึงได้รู้ถึงประวัติความจริงของเหตุการณ์นั้นว่า
ที่หลังตึกเรียนซึ่งเป็นตึกที่พักของพี่ G จะมีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ต้นมะม่วงต้นนั้นมีภารโรงหญิงคนหนึ่งแขวนคอตาย ซึ่งตอนที่ตายเธอได้ตั้งครรภ์อยู่ด้วยและต้นมะม่วงต้นนั้นก็เป็น ต้นที่อยู่ตรงกับห้องพักของพวกพี่ G อย่างพอดิบพอดี ถ้าเพียงแต่จะเปิดหน้าต่างออกไปสักนิดพวกเธอก็จะได้เห็นต้นมะม่วงต้นนั้น…
ซึ่งพวกพี่ Gก็อดโล่งใจอยู่น้อยๆ ไม่ได้ว่า โชคดีที่เมื่อคืนไม่ได้เปิดหน้าต่างห้องนอนเอาไว้ ไม่เช่นนั้น หึ หึ หึ…
Credit : http://ghost.renrengang.com/
เจ้าของเรื่องผู้ประสบชะตากรรมกับผีแม่ลูกอ่อนที่ตั้งอกตั้งใจมาหลอกกันตนนี้ ขอบอกว่ามิใช่ข้าพเจ้า (ก็แหงล่ะ ไอ้ที่ตูเจอแต่ละเรื่องมันน่ากลัวซะที่ไหน) แต่ก็มิได้แฮปเรื่องใครเค้ามานะ ไถมาจากคนรู้จักจ้ะ คนที่เจอนี่เป็นเพื่อนพี่สาวเรา เจอมากับตัวสมัยยังเด็กก็เลยมาเล่าให้ฟังกับตัวสมัยโตแล้ว อยากจะบอกว่า ไอ้ผีตนนี้… เจตนาหลอกหลอนให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยนะนั่น (พวกตายท้องกลมนี่มันเฮี้ยนจริงๆ)
พวกมึง! ทำให้ลูกกูนอนไม่หลับ!!
เหตุการณ์สยองขวัญที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นในสมัยที่พี่ G ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่ง เธอเล่าให้เราฟังว่า ตอนนั้นเธอไปเข้าค่ายเนตนารีกับทางโรงเรียนซึ่งสถานที่เข้าค่ายและสถานที่ เกิดเหตุก็คือโรงเรียนของเธอนั่นเอง
ตอนเย็นของการเข้าค่ายวันแรก อาจารย์ได้เรียกเนตรนารีทุกคนให้มารวมกองกัน
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็นได้ พี่ G กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่โรงอาหารของโรงเรียน
ซึ่งภายหลังจากที่ได้ยินสัญญาณรวมกองแล้วพี่ G ผู้ล่าช้าเพราะยังทานข้าวไม่เสร็จก็วิ่งรี่ไปรวมกองช้ากว่าใครเพื่อน
ในขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นตึกรวมกองที่รอบด้านแทบจะไม่มีคนเดินอยู่เลย เพราะทุกคนได้ไปรวมตัวกันหมดแล้ว ในตอนนั้นเองพี่ G ที่กำลังใจแป้วว่า จะถูกทำโทษไหมเนี่ย ก็บังเอิญเหลือบสายตาไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้า ตอนนั้นพี่ G คิดว่าคงเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอ คือรู้สึกว่าด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นจะเหมือนกันเพื่อนของเธอ พี่ G ก็เริ่มอุ่นใจขึ้นมาได้หน่อยว่ายังมีคนไปช้าเหมือนกัน โดนเอ็ดก็โดนกันเป็นทีม ค่อยสบายใจได้ คิดได้ดังนั้นพี่ G จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินตามเพื่อนไปในทันที
เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น พี่ G หยุดยืนตรงฉับพลั
นด้วยความเคยชิน แต่ผู้หญิงคนนั้นยังคงเดินต่อไป พี่ G มองตามหลังคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนของตนไปจนสุดหัวมุมตึกเธอเลี้ยวหายเข้าไป ตรงทางเดินข้างหน้า และทันทีที่เพลงชาติหยุดลง พี่ G ก็รีบวิ่งตามเธอคนนั้นไป แน่นอนว่าเจตนาเดียว หาเพื่อร่วมซวยนั่นเอง พี่ G วิ่งตามเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงมุมตึก และเลี้ยวตรงทางเดินตามที่เธอเดินหายลับไป ทว่า…
ที่ตรงนั้นคือทางตัน!
ณ จุดที่ผู้หญิงคนนั้นเดินหายไปคือประตูทางผ่านสู่หลังตึกเรียนที่ปิดตายไม่มี ผู้ใดสามารถผ่านเข้าออกได้ ทั้งยังปิดตายมาเป็นเวลานานแล้วอีกด้วย
พี่ G หยุดยืนนิ่งด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังตึกรวมกองโดยเก็บความพิศวงนั้นไว้ในใจ
พี่ G ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนคนใดฟังทั้งสิ้นด้วยเพราะเธอพยายามที่จะไม่ใส่ ใจและไม่เก็บเอามาคิดให้ได้มากที่สุด จนกระทั่ง…
เวลาผ่านไปในยามค่ำคืน… ถึงเวลาชวนสยองขวัญ เนตรนารีทั้งหมดต่างเข้าห้องพักของตนเพื่อพักผ่อน แต่มีหรือใครที่ในชีวิตวัยรุ่นจะยอมเสียฟอร์มทำตามกฎเกณฑ์อย่างง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กผู้หญิงมาอยู่รวมกันด้วยแล้ว ใครจะยอมนอนกันล่ะคะ
พี่ G เล่าให้เราฟังว่าตอนนั้นพี่ G เล่นไพ่อยู่กับเพื่อนๆ เวลาก็ไม่ดึกมากนักประมาณสักสามทุ่มได้ อยู่ๆ ก็เกิดมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง สามครั้ง…
ทุกคนหันไปมองประตูแต่ไม่มีผู้ใดจะใส่ใจกับมันสักคน
” ’จารย์แกล้งมั๊ง “ เพื่อนในกลุ่มของพี่ G คนหนึ่งพูดออกมา
และแล้วก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับเสียงเคาะประตูนั้นอีกด้วยเหตุผลที่ว่า ‘อาจารย์แกล้ง’ และแม้แต่ตัวพี่ G เองก็ลืมเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมาเมื่อตอนเย็นหมดสิ้นไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
พวกพี่ G กลับมาเล่นไพ่กันต่อหลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก จนเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร พี่ G บอกว่า หลังจากเสียงเคาะประตูครั้งแรกนั้นเธอไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไรแต่เท่า ที่เธอคาดเดามันน่าจะเกือบถึงตีสองได้ ใช่…น่าจะเป็นเวลาตีสองที่เสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นอีกครั้ง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ สามค รั้ง…
พี่ Gและเพื่อนๆ หันมองหน้ากัน
“คง’จารย์ แกล้งแหล่ะว่ะ” เพื่อนคนเดิมพูดขึ้นมาอีกอย่างไม่ใส่ใจ ทุกคนจึงเล่นไพ่กันต่อ ทว่า…
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกในเวลาไล่เลี่ยกัน
ครั้งนี้ทุกคนคิดเหมือนกันหมดว่าดึกป่านนี้อย่างไรอาจารย์ก็ไม่จะมาคึกแกล้ง กันแน่ๆ อายุก็ปาเข้าไปปูนนั้นแล้ว ขืนยังซ่าอยู่คงได้หัวใจวาย มีหวัง…
พวกพี่ G นิ่งเงียบกันไปครู่ใหญ่จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“เฮ้ย! อย่าเปิดนะ” พี่ G กระซิบบอกเพื่อน
เธอบอกกับฉันว่าตอนนั้นเธอไม่ได้หรอกคิดว่าเป็นผีหรืออะไร แต่เธอเกรงว่านักเรียนหญิงมาเข้าค่ายอย่างนี้อาจจะมีผู้ไม่หวังดีลอบเข้ามา ก็ได้ และตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
เพื่อนพี่ G ที่ลุกไปอยู่ใกล้ประตูมากที่สุดจึงก้มลงมองลอดช่องประตูที่อยู่ระหว่างพื้น
อย่างน้อยก็เผื่อจะได้ทราบได้ว่าเป็นใครจากขาที่มองเห็นลอดผ่านช่องประตู เข้ามา ทว่า…
ระหว่างช่องพื้นของประตูนั้น กลับไม่มีขาของใครอยู่เลย…
พวกพี่ Gนั่งมองหน้ากันนิ่ง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีคนมายืนอยู่หน้าประตูแล้วจะมองไม่เห็นขา แต่ถ้าไม่มีใครมายืนอยู่หน้าประตู แล้วคนที่เคาะประตูนั่นล่ะ ใครกัน?
ตอนนี้เองที่เหล่าเนตรนารีเริ่มเก็บไพ่ลงกระเป๋าเลิกเล่นกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ทุกคนก็ยังไม่มีใครกล้าจะหลับตาลง พวกพี่ G เลยเปลี่ยนจากเล่นไพ่มานั่ง
คุยกันด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ และที่ต้องคุยก็เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบเกินไปนั่นเอง
แต่เหตุการณ์น่าหวาดกลัวกลับไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น!
ในขณะที่พวกพี่ G กำลังนั่งคุยกัน อยู่ๆ ก็เกิดมี เสียง เพลงดังแผ่วแว่วมาแต่ไกล…
เสียงเพลงกล่อมเด็กที่ดูเหมือนจะชัดเจนถ้อยคำขึ้นเรื่อยๆ ร้องเป็นเพลงกล่อมเด็ก
‘เจ้านกกาเหว่า ไข่ให้แม่กาฟัก…’
เสียงนั้นยิ่งชัดเจน และค่อยๆ ลอยมาจากห้องที่พักของพวกพี่ G และ…
เสียงเพลงหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนั้นเอง!?
ตามจากเสียงเพลงกล่อมเด็ก ในขณะที่ทุกคนยังคงอยู่ในความเงียบสงบ และแล้ว…
เสียงดุดันของผู้หญิงตวาดดังขึ้นจากหน้าประตูนั้น!!
“พวกมึง! ทำให้ลูกกูนอนไม่หลับ!”
พี่ G บอกเราว่า ตอนนั้นพี่ G นึกถึงผีในหนังไทยเอาจริงๆ จังๆ เลยทีเดียว
ก็เล่นมาเป็นเสียงเพลงกล่อมเด็กอย่างนั้น ทั้งยังเป็นเสียงยานคางชวนสยอง
พี่ G กับเพื่อนๆ จับมือกันไว้แน่นด้วยความกลัว สักพักเสียงเพลงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก
ที่หน้าห้องของพวกพี่ G และตามมาด้วย
“พวก มึง! ทำให้ลูกกูนอนไม่หลับ!”
เป็นอย่างนี้ถึงสามครั้ง จนท้ายที่สุดพี่ G กับเพื่อนๆ ต้องหุบปากให้สนิทและรีบเข้านอนกันในทันที
ทว่า…เสียงเพลงกล่อมเด็กก็ใช่จะหายไป มันยังดังแว่วคล้ายแผ่วมาจากที่ไกลๆ อยู่ตลอดค่ำคืนที่ยาวนาน…
รุ่งเช้า…
กลุ่มพี่ G รีบตรงไปหาอาจารย์แล้วถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทีแรกอาจารย์ก็ไม่ยอมพูดอะไรแต่เมื่อคาดคั้นหนักเข้าจึงได้ยอมเล่าพร้อมทั้ง กำชับนักหนาว่าห้ามนำไปบอกใคร พี่ G และเพื่อนจึงได้รู้ถึงประวัติความจริงของเหตุการณ์นั้นว่า
ที่หลังตึกเรียนซึ่งเป็นตึกที่พักของพี่ G จะมีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ต้นมะม่วงต้นนั้นมีภารโรงหญิงคนหนึ่งแขวนคอตาย ซึ่งตอนที่ตายเธอได้ตั้งครรภ์อยู่ด้วยและต้นมะม่วงต้นนั้นก็เป็น ต้นที่อยู่ตรงกับห้องพักของพวกพี่ G อย่างพอดิบพอดี ถ้าเพียงแต่จะเปิดหน้าต่างออกไปสักนิดพวกเธอก็จะได้เห็นต้นมะม่วงต้นนั้น…
ซึ่งพวกพี่ Gก็อดโล่งใจอยู่น้อยๆ ไม่ได้ว่า โชคดีที่เมื่อคืนไม่ได้เปิดหน้าต่างห้องนอนเอาไว้ ไม่เช่นนั้น หึ หึ หึ…
Credit : http://ghost.renrengang.com/